วันนี้เป็นวันที่สองของการมาเที่ยวเชียงใหม่ วันนี้เราจะขี่รถมอเตอร์ไซด์ขึ้นไปดอยสุเทพ พระราชตำหนักภูพิงค์ ดอยปุย และกลับลงมาเที่ยวสวนสัตว์เชียงใหม่ต่อช่วงบ่าย
เราออกเดินทางจากโรงแรมเวลาประมาณ 06.30 น. ขี่รถโดยดูเส้นทางใน Google Map ประกอบกับแผนที่ที่พี่ที่ทำงานให้มา โดยจากโรงแรม Noble House ไปวัดพระธาตุดอยสุเทพ ระยะทางประมาณ 18 กิโลเมตร การเดินทางไม่ยาก เมื่อขี่รถเข้ามาถึงถนนห้วยแก้วแล้ว ตรงอย่างเดียวและจะมีป้ายบอกตลอดเส้นทาง ไม่ต้องกลัวหลง เส้นทางไปดอยสุเทพจะผ่านสวนสัตว์เชียงใหม่ น้ำตกห้วยแก้ว และอนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัย
ส่วนการขี่รถมอเตอร์ไซด์ขึ้นดอยสุเทพไม่ยาก ทางไม่ชันเท่าไหร่ แต่ว่าโค้งเยอะค่ะ ใช้เกียร์ต่ำ ค่อยๆขี่ไป ไม่อันตรายเลย ระหว่างทางที่ขี่รถขึ้นดอยบรรยากาศดีมาก บางช่วงจะเจอคนวิ่ง คนขี่จักรยาน เราเห็นแล้วอยากจะมาวิ่งบ้าง แต่คงไม่ไหว แค่ทางราบก็จะแย่แล้ว นี่วิ่งขึ้นดอย
เราใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 45 นาที ก็ขึ้นมาถึงวัดพระธาตุดอยสุเทพ จะเห็นมีร้านขายของกินเรียงรายอยู่บนฟุตบาท เราก็จอดรถบนถนนหน้าร้านขายของกิน เขาจอดกันเยอะแยะเลย จากนั้นแอบเหลือบไปเห็นบนเกาะกลางถนนมีโต๊ะหินอ่อน เราเลยซื้อข้าวเหนียวหมูปิ้งจะไปนั่งกินตรงนั้น เดินไปถึงโต๊ะ ยังไม่ทันนั่งเลย มีเพื่อนมาหาซะแล้ว
ความจริงมีอีกหลายตัว แต่ไม่ได้ถ่ายรูปไว้ น้องหมามาขอของกิน แต่ไม่ได้ให้ เดี๋ยวน้องกัด
กินข้าวเช้าเสร็จแล้ว ก็เดินขึ้นวัดกันเลย ทางเดินไม่ชันมาก ระหว่างทางก็มีของที่ระลึกขาย ของบางอย่างมีขายเหมือนที่ "กาดขัวมุง" ตรงข้ามวัดพระธาตุหริภุญชัย ลำพูน แต่ที่กาดขัวมุงราคาถูกกว่า
พอเดินมาถึงบันไดขึ้นวัดพระธาตุดอยสุเทพก็แวะถ่ายรูปนิดหน่อย
เจอน้องหมาอีกแล้ว นั่งเหงาอยู่คนเดียว ส่วนที่เห็นด้านล่างนั่นคือโซนขายของที่ระลึกที่เราเพิ่งเดินผ่านมา
จากนั้นเดินขึ้นบันไดมา นิดเดียว ไม่ทันเหนื่อยก็ถึงแล้ว แล้วเราก็เข้าไปไหว้พระ ทำบุญในวัดกัน นอกจากนี้ถ้าใครอยากเข้าห้องน้ำก็สามารถใช้บริการห้องน้ำของที่วัดได้ สะอาดมากๆค่ะ
ไหว้พระทำบุญเสร็จแล้วก็ออกเดินทางต่อ จุดหมายต่อไปของเราคือ "พระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์" ซึ่งอยู่ห่างจากวัดพระธาตุดอยสุเทพไม่ไกล ระยะทางประมาณ 5 กิโลเมตรเท่านั้น
เมื่อเดินทางมาถึง เราก็จอดรถมอเตอร์ไซด์แถวๆหน้าพระตำหนักเลย คนอื่นจอดตรงไหน เราก็จอดตรงนั้น ตามๆกันไป
ก่อนจะเดินเข้าไปในพระตำหนัก ต้องซื้อตั๋วเข้าชมก่อน แต่เราจำราคาไม่ได้เพราะผ่านมาหลายเดือนแล้ว ภายในพระตำหนักก็มีการจัดสวน ดอกไม้หลากสีสวยงาม แต่ช่วงที่ไปเรารู้สึกว่าดอกไม้จะโรยไปบ้างแล้วบางส่วน กิจกรรมภายในพระตำหนักก็ไม่มีอะไรมาก เดินชื่นชมบรรยากาศ เก็บภาพความประทับใจ
พอเดินชมภายในบริเวณพระตำหนักเสร็จแล้ว เราก็เดินออกมาทางเดิมที่เดินเข้าไป จากนั้นข้ามถนนไปฝั่งตรงข้าม จะมีจุดขายของเหมือนตลาดเล็กๆ มีทั้งเสื้อผ้าและของกิน เดินไปเดินมาได้เสื้อเสื้อกันหนาวไหมพรมทำมือมาสองตัว หนามากอุ่นมาก ตัวละ 300 บาท ถูกใจมากเลย ส่วนของกินก็ซื้อขนมปังปิ้งทาเนยน้ำตาลกับกล้วยทอดร้อนๆ 20 บาท จากนั้นเห็นมีป้ายบอกทางไป "จุดชมวิวผาดำ" ก็เลยตัดสินใจว่าเอาของไปนั่งกินตรงจุดชมวิวดีกว่า
จุดชมวิวผาดำจะอยู่ด้านหลังที่ขายของ เดินนิดเดียวก็ถึง แต่เวลาเดินต้องระวังเพราะจุดที่เดินลงไปชมวิวเป็นทางลาดลง ค่อนข้างชัน บริเวณนั้นมีโต๊ะไม้เก่าๆให้นั่งพัก เราก็ไม่รีรอที่จะไปนั่งกินไปชมวิวไป บรรยากาศดีสุดๆ
หลังจากแวะพักกินขนมนมเนยที่จุดชมวิวผาดำเสร็จ ก็ได้เวลาบึ่งมอเตอร์ไซด์ขึ้นไปบ้านม้งดอยปุยแล้ว
บ้านม้งดอยปุยอยู่ห่างจากพระราชตำหนักภูพิงค์แค่ 3 กิโลเมตร แต่ขี่รถลำบาก ทางชันสุดๆ เวลาขี่รถต้องมีสติและระวังเป็นพิเศษ แต่แอบเห็นชาวบ้านที่ขี่รถสวนออกไป ท่าทางชำนาญเสมือนขี่อยู่บนทางราบ
และในที่สุดก็มาถึงแล้ว "บ้านม้งดอยปุย" จอดรถให้เรียบร้อยแล้วก็ไปเดินชมบรรยากาศกัน เท่าที่สังเกตดูมีร้านขายของเยอะมาก เราก็เดินมาตามทางเดิน ตามๆคนอื่นไป ผ่านร้านรวงมากมาย ก็มาเจอด่านที่เก็บเงินค่าเข้าชม คนละ 10 บาท เดินผ่านเข้ามาเรื่อยๆจะเจอส่วนที่เป็นแปลงต้นฝิ่น และดอกไม้อีกหลายชนิด ในส่วนนี้มีน้ำตกด้วย เมื่อมองออกไปจะเห็นวิวภูเขา ข้างบนนี้แดดแรง อากาศร้อน ต้องถอดเสื้อกันหนาวกันเลยทีเดียว
ดอกฝิ่น |
หลังจากเดินชม เก็บภาพเล็กน้อย ก็ซื้อของที่ระลึกนิดๆหน่อยๆ เตรียมตัวขี่มอเตอร์ไซด์กลับโรงแรม
ขากลับขี่ง่าย สบายๆ แต่ต้องควบคุมความเร็ว ไม่งั้นจะแหกโค้งเอาง่ายๆ ระหว่างทางยังพอมีดอกนางพญาเสือโคร่งให้เห็นบ้าง
จากดอยปุยขี่รถมอเตอร์ไซด์กลับลงมาที่โรงแรม เพื่อเอาของไปเก็บ ถึงโรงแรมประมาณ 12.30 น. นั่งพักครู่นึงเนื่องจากอากาศร้อนมาก แล้วรีบบึ่งออกไปสวนสัตว์เชียงใหม่ต่อ โดยขี่รถไปเส้นทางเดียวกับที่ไปดอยสุเทพ วันนี้ไม่ได้แวะกินข้าวกลางวัน เพราะกลัวจะเที่ยวสวนสัตว์ได้ไม่ทั่ว
เมื่อมาถึงก็ขี่รถเข้าไปในสวนสัตว์ ทางด้านซ้ายมือจะมีบริการที่จอดรถยนต์และรถมอเตอร์ไซด์ หลังจากเราจอดรถเสร็จแล้ว ก็เดินไปซื้อตั๋วเข้าชมสวนสัตว์พร้อมกับหยิบแผนที่
สวนสัตว์เชียงใหม่แบ่งสัตว์ออกเป็นหลายโซน แนวเดียวกับเขาดิน ภายในสวนสัตว์มีบริการรถรางด้วย แต่เราจำไม่ได้ว่าค่าตั๋วคนละเท่าไหร่ ถ้าต้องการจะดูหมีแพนด้า ก็ต้องเสียเงินเพิ่ม 50 บาท นอกจากนี้ยังมีซุ้มขายอาหารอยู่หลายจุดด้วยกัน อาหารส่วนใหญ่คือมาม่าคัพ ลูกชิ้น น้ำอัดลม
น้องปากา |
หลังจากเดินเล่นได้ซักพัก เจอซุ้มขายอาหาร ก็รีบพุ่งเข้าใส่ทันที เพราะไม่ได้กินข้าวกลางวัน ของทุกอย่างขายเกือบหมดแล้ว เลยซื้อมาม่าคัพมากิน กระป๋องละ 20 บาท กินไปพร้อมกับยืนชมน้องเสือ อร่อยไปอีกแบบ
ฮิปโป 3 ตัวนี้น่าจะเป็นลูกๆของแม่มะลิที่สวนสัตว์เขาดิน
ซักพักเริ่มเดินไม่ไหวเพราะอากาศร้อนมากๆ เราเลยซื้อตั๋วนั่งรถรางรอบสวนสัตว์ ซึ่งเราสามารถขึ้นลงป้ายไหนก็ได้ตามใจชอบ ระหว่างทางเราก็ได้เจอนกยูงหลุดออกมาเดินเพ่นพ่านอยู่เป็นระยะ น้องนกยูงตัวนี้ทำถังขยะคว่ำ แล้วคุ้ยเขี่ยหากินอย่างเมามันส์
เดินชมจนรอบสวนสัตว์ก็เป็นเวลาเกือบ 17.00 น. แล้ว อดดูยีราฟเพราะน้องกลับเข้าบ้านไปกันหมดแล้ว ได้แต่ปลอบใจตัวเอง ไม่เป็นไรเดี๋ยวไปดูที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีวันพรุ่งนี้
ได้เวลากลับออกจากสวนสัตว์ ก็ไปเอารถมอเตอร์ไซด์แล้วเปิด Google Map หาวัดสวนดอก เย็นนี้เราจะกิน "ข้าวต้มพุ้ยวัดสวนดอก" เป็นอาหารเย็นกัน จากสวนสัตว์เชียงใหม่ เรามาถึงร้านตอน 17.30 น. ที่ร้านคนยังไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ การสั่งอาหารที่ร้านคือ ทางร้านจะมีกับข้าวที่ทำสำเร็จไว้แล้วส่วนหนึ่ง สามารถสั่งให้ตักใส่จานได้เลย เช่น ยำต่างๆ ต้มจับฉ่าย นอกจากนี้ก็จะมีเมนูอื่นๆ ที่จะทำตาม order เราสั่งกับข้าวมาทั้งหมด 5 อย่าง มีต้มจับฉ่าย ไข่เจียวหมูสับ ผัดผักบุ้งหมูกรอบ ผัดผักกระเฉดหมูกรอบ ยำกุ้งแห้ง ข้าวต้ม 2 ถ้วย ข้าวสวย 1 ถ้วย ถ้าจำไม่ผิดราคารวมประมาณ 250 บาท ถูกมากเมื่อเทียบกับราคาที่กทม. ด้านรสชาติอาหารถือว่าพอใช้ ไม่จัดจ้าน แต่ก็โอเค ส่วนรูปไม่ได้ถ่าย เพราะว่าหิวมาก
จากนั้นก็ขี่รถมาเดินเล่นต่อที่ตลาดวโรรส ตอนค่ำๆจะมีร้านมาตั้งขายของบนถนน ของที่ขายมีทั้งอาหาร ของใช้ เสื้อผ้า เราซื้อสตรอเบอรี่ถุงใหญ่มา ราคาประมาณ 40 บาท ถูกมากเพราะไม่ใช่พันธุ์พระราชทาน 80 ถ้าพันธุ์ 80 จะหวานฉ่ำ แต่เราชอบกินแบบราคาถูก รสชาติหวานอมเปรี้ยว นอกจากนี้ยังซื้อขนมไข่เต่าจิ๋วมากินด้วย ลูกละ 1 บาท เพิ่งทอดเสร็จร้อนๆ กรอบนอกนุ่มใน อร่อยมากๆ
เสร็จแล้วก็รีบกลับไปพักผ่อนที่โรงแรม เพราะพรุ่งนี้ต้องออกเดินทางไปอุทยานหลวงราชพฤกษ์แต่เช้า
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น